1.ให้นักศึกษาค้นหาไวรัสคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันมา 5 ชนิด โดยบอกชื่อและรายละเอียดการทำงานของไวรัส
บูตไวรัส (boot virus) คือไวรัสคอมพิวเตอร์ที่แพร่เข้าสู่เป้าหมายในระหว่างเริ่มทำการบูตเครื่อง ส่วนมาก มันจะติดต่อเข้าสู่แผ่นฟลอปปี้ดิสก์ระหว่างกำลังสั่งปิดเครื่อง เมื่อนำแผ่นที่ติดไวรัสนี้ไปใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ ไวรัสก็จะเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ตอนเริ่มทำงานทันทีบูตไวรัส จะ ติดต่อเข้าไปอยู่ส่วนหัวสุดของฮาร์ดดิสก์ ที่มาสเตอร์บูตเรคคอร์ด (master boot record) และก็จะโหลดตัวเองเข้าไปสู่หน่วยความจำก่อนที่ระบบปฏิบัติการจะเริ่มทำงาน ทำให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ไฟล์ไวรัส (file virus) ใช้เรียกไวรัสที่ติดไฟล์โปรแกรม เช่นโปรแกรมที่ดาวน์โหลดจากอินเทอร์เน็ต นามสกุล.exe โปรแกรมประเภทแชร์แวร์เป็นต้นไฟล์ไวรัส ไฟล์ไวรัส (file virus) ใช้เรียกไวรัสที่ติดไฟล์โปรแกรม เช่นโปรแกรมที่ดาวน์โหลดจากอินเทอร์เน็ตนามสกุล.exe โปรแกรมประเภทแชร์
แวร์เป็นต้น
มาโครไวรัส (macro virus) คือไวรัสที่ติดไฟล์เอกสารชนิดต่างๆ ซึ่งมีความสามารถในการใส่คำสั่งมาโครสำหรับทำงานอัตโนมัติในไฟล์เอกสารด้วย ตัวอย่างเอกสารที่สามารถติดไวรัสได้ เช่น ไฟล์ไมโครซอฟท์เวิร์ด ไมโครซอฟท์เอ็กเซล เป็นต้น
หนอน (Worm) เป็นรูปแบบหนึ่งของไวรัส มีความสามารถในการทำลายระบบในเครื่องคอมพิวเตอร์สูงที่สุดในบรรดาไวรัสทั้ง หมด สามารถกระจายตัวได้
รวดเร็ว ผ่านทางระบบอินเทอร์เน็ต ซึ่งสาเหตุที่เรียกว่าหนอนนั้น คงจะเป็นลักษณะของการกระจายและทำลาย ที่คล้ายกับหนอนกินผลไม้
โทรจัน (Trojan) คือโปรแกรมจำพวกหนึ่งที่ถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อแอบแฝง กระทำการบางอย่าง ในเครื่องของเรา จากผู้ที่ไม่หวังดี ชื่อเรียกของโปรแกรมจำพวกนี้ มาจากตำนานของม้าไม้แห่งเมืองทรอยนั่นเอง ซึ่งการติดนั้น ไม่เหมือนกับไวรัส และหนอน ที่จะกระจายตัวได้ด้วยตัวมันเอง แต่โทรจัน
(คอมพิวเตอร์)จะถูกแนบมากับ อีการ์ด อีเมล์ หรือโปรแกรมที่มีให้ดาวน์โหลดตามอินเทอร์เน็ตในเว็บไซต์ใต้ดิน และสุดท้ายที่มันต่างกับไวรัสและเวิร์ม คือมันจะสามารถเข้ามาในเครื่องของเรา โดยที่เราเป็นผู้รับมันมาโดยไม่รู้ตัวนั่นเอง
2.จงบอกความแตกต่างระบบการรักษาความปลอดภัยในการชำระเงิน แบบ SSL และ SET
1. SSL เป็นระบบที่ใช้ในการสื่อสารข้อมูลกันระหว่าง Clientกับ Serverซึ่งโดยปกติแล้วข้อมูลที่ส่งไปหากันนั้นจะไม่มีการเข้ารหัสแต่อย่างใดทำให้การดักจับข้อมูลเป็นไปได้โดยง่าย แต่ถ้าเป็นระบบที่ใช้ SSLแล้วนั้นข้อมูลจาก Client ที่จะส่งไปยัง Serverนั้นจะถูกเข้ารหัสก่อนที่จะส่งไปที่ Serverทำให้ข้อมูลที่จะส่งถึงกันนั้นมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้นเรียกดูได้ แต่ CAจะส่งไปยังธนาคาร
2.SET (Secure Electronic Transaction) ปัจจุบันมีใช้อยู่ใน 34 ประเทศซึ่งระบบนี้จะมีความปลอดภัยกว่าระบบแรกที่กล่าวมา ระบบ SETจะแตกต่างจากระบบ SSL ตรงที่ระบบ SETจะมีหน่วยงานกลางที่ถูกจัดตั้งขึ้นมาเพื่อยืนยันการทำธุรกรรม(Certification Authority: CA) ระบบ SET จะมีความปลอดภัยและไว้วางใจได้จากทุกฝ่ายเนื่องจากทุกฝ่ายจะสามารถยืนยันตัวตนได้โดยการรับรองของ CA โดยที่ทุกฝ่าย(ลูกค้า- ร้านค้า- ธนาคาร) จะมี Private key และ Public key โดยที่ Publickey นั้นทาง CA จะเป็นผู้เก็บไว้เพื่อทำการตรวจสอบเมื่อมีการสั่งซื้อสินค้า ร้านค้าจะได้รับข้อมูลเฉพาะใบสั่งซื้อส่วนหมายเลขบัตรเครดิตทางร้านค้าไม่สามารถเพื่อเรียกเก็บเงิน
3.จงอธิบายความหมายและข้อแตกต่างของ ลายมือชื่อดิจิทัล (Digital Signature) และลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์
Digital Signature เป็นสิ่งที่แสดงยืนยันตัวบุคคล (เจ้าของ email) และ email (ข้อความใน email) ว่า email นั้นได้ถูกส่งมาจากผู้ส่ง คนนั้นจริงๆ และข้อความไม่ได้ถูกเปลี่ยนแปลงและแก้ไขในการส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายนั้น นอกจากจะทำให้ข้อมูลที่ส่งนั้นเป็นความลับสำหรับผู้ไม่มีสิทธิ์โดยการใช้เทคโนโลยีการรหัสแล้ว สำหรับการทำนิติกรรมสัญญาโดยทั่วไป ลายมือชื่อจะเป็นสิ่งที่ใช้ในการระบุตัวบุคคล (Authentication) และ ยังแสดงถึงเจตนาในการยอมรับ เนื้อหาในสัญญานั้นๆซึ่งเชื่อมโยงถึง การป้องกันการปฏิเสธความรับผิดชอบ (Non-Repudiation) สำหรับในการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์นั้นจะใช้ ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Signature) ซึ่งมีรูปแบบต่างๆเช่น สิ่งที่ระบุตัวบุคคลทางชีวภาพ (ลายพิมพ์นิ้วมือ เสียง ม่านตา เป็นต้น) หรือ จะเป็นสิ่งที่มอบให้แก่บุคคลนั้นๆในรูปแบบของ รหัสประจำตัว ตัวอย่างที่สำคัญของลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ ที่ได้รับการยอมรับกันมากที่สุดอันหนึ่ง คือ ลายมือชื่อดิจิทัล (Digital Signature) ซึ่งจะเป็นองค์ประกอบหนึ่งใน โครงสร้างพื้นฐานกุญแจสาธารณะ (Public Key Infrastructure, PKI)
4.ให้นักศึกษาบอกประโยชน์จากการเล่นอินเตอร์เน็ต หรือเล่นเกมส์ในเวลาเรียนมาอย่างน้อยคนละ 5 ข้อ
1. ได้รู้ข่าวสารเรื่องทั่วไป
2. แก้เครียด
3. หาข้อมูลในส่วนที่เราไม่รู้ได้
4.เพิ่มความสามารถในการพิมพ์ดีด
5.สามารถแลกเปลี่ยนความคิดกับเพื่อนในอินเตอร์เน็ตได้
5.ให้นักศึกษาบอกผลเสียจากการเล่นอินเตอร์เน็ต หรือเล่นเกมส์ในเวลาเรียนมาอย่างน้อยคนละ 5 ข้อ
1.โดนอาจารย์ว่า
2.ทำให้เรียนไม่รู้เรื่อง
3.ทำงานส่งไม่ได้
4.ทำให้สอบไม่ได้
5.ทำให้เรียนไม่จบ
วันพุธที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2554
วันจันทร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2554
Assignment-วิเคราะห์เว็บไซต์
ชื่อ Domain: roumsookshop.com
ปีที่เริ่มจดทะเบียน 4/15/2009
ปีที่สิ้นสุด: 04/15/2012
ผู้ที่เป็นเจ้าของ Sukanya Roumsook lovefamily_nuy@hotmail.com
ที่อยู่ของบริษัท 314 Soi.Ladprao 87 Ladprao Rd.Wanthonglang,Bangkok,TH 10310สินค้าหรือบริการที่นำเสนอ: เสื้อผ้า
กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย: ทุกวัยตามควายชอบ
รูปแบบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์: B2c
พันธมิตรเว็ปไซต์: -
รูปแบบการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า: โทรศัพท์ อีเมล์ เว็บบอร์ด
สถิติผู้เข้าชม: ไม่ระบุ
ลักษณะการออกแบบเว็บไซต์: สวยงาม ทำให้หน้าดู
กลยุทธ์การตลาด 6P: มีสินค้าหลายอย่างให้เลือก
ความถี่ในการ Update สินค้า ทุกวัน
ปีที่เริ่มจดทะเบียน 4/15/2009
ปีที่สิ้นสุด: 04/15/2012
ผู้ที่เป็นเจ้าของ Sukanya Roumsook lovefamily_nuy@hotmail.com
ที่อยู่ของบริษัท 314 Soi.Ladprao 87 Ladprao Rd.Wanthonglang,Bangkok,TH 10310สินค้าหรือบริการที่นำเสนอ: เสื้อผ้า
กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย: ทุกวัยตามควายชอบ
รูปแบบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์: B2c
พันธมิตรเว็ปไซต์: -
รูปแบบการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า: โทรศัพท์ อีเมล์ เว็บบอร์ด
สถิติผู้เข้าชม: ไม่ระบุ
ลักษณะการออกแบบเว็บไซต์: สวยงาม ทำให้หน้าดู
กลยุทธ์การตลาด 6P: มีสินค้าหลายอย่างให้เลือก
ความถี่ในการ Update สินค้า ทุกวัน
ความหมายของโดเมนและการออกแบบหน้าเว็บ
1. บอกความหมายของ Domainname 2 ระดับ ประเภทต่างๆ ได้แก่
1.1 .com :: กลุ่มคอมพิวเตอร์ในหน่วยงานประเภทธุรกิจหรือหน่วยงานเอกชน
1.2. .org :: องค์กรเอกชนที่ไม่แสวงผลกำไร เช่น สมาคม หรือมูลนิธิ
1.3. .net :: องค์กรใด หรือบริษัทใด ที่ทำงานเกี่ยวกับ เกตเวย์ (Gateway) หรือ จุดเชื่อมต่อเครือข่าย(Network)
1.4. .edu :: สถาบันการศึกษา
1.5. .gov :: องค์กรของรัฐบาล
1.6. .mil :: องค์กรทางทหาร
1.7. asia :: จดทะเบียนโดยบริษัทหรือบุคคลที่อยู่ในเอเชียเท่านั้น
1.8. .travel :: เว็บไซต์การท่องเที่ยว โรงแรม ทัวร์
1.9. .mobi :: เว็บไซต์โทรศัพท์มือถือ
1.10. .job :: เว็บไซต์สำหรับบริษัท
2. บอกความหมายของประเภทขององค์กรที่ใช้ในการตั้งชื่อโดเมน ได้แก่
3. บอกความหมายของประเทศที่ตั้งขององค์กรที่ใช้ในการตั้งชื่อโดเมนเนม ได้แก่ 3.1 .th :: ประเทศไทย
3.2 .cn :: ประเทศจีน
3.3 .uk :: ประเทศอังกฤษ
3.4 .jp :: ประเทศญี่ปุ่น
3.5 .au :: ประเทศออสเตรเลีย
4. ยกตัวอย่างชื่อโดเมนเนม ประเภทต่างๆ อย่างน้อย 5 ชื่อ
1.1 .com :: กลุ่มคอมพิวเตอร์ในหน่วยงานประเภทธุรกิจหรือหน่วยงานเอกชน
1.2. .org :: องค์กรเอกชนที่ไม่แสวงผลกำไร เช่น สมาคม หรือมูลนิธิ
1.3. .net :: องค์กรใด หรือบริษัทใด ที่ทำงานเกี่ยวกับ เกตเวย์ (Gateway) หรือ จุดเชื่อมต่อเครือข่าย(Network)
1.4. .edu :: สถาบันการศึกษา
1.5. .gov :: องค์กรของรัฐบาล
1.6. .mil :: องค์กรทางทหาร
1.7. asia :: จดทะเบียนโดยบริษัทหรือบุคคลที่อยู่ในเอเชียเท่านั้น
1.8. .travel :: เว็บไซต์การท่องเที่ยว โรงแรม ทัวร์
1.9. .mobi :: เว็บไซต์โทรศัพท์มือถือ
1.10. .job :: เว็บไซต์สำหรับบริษัท
2. บอกความหมายของประเภทขององค์กรที่ใช้ในการตั้งชื่อโดเมน ได้แก่
.com | ย่อมาจาก commercial หมายถึง การค้า บริษัท องค์กร |
.net | ย่อมาจาก network หมายถึง เครือข่าย |
.org | ย่อมาจาก organization หมายถึง องค์กรไม่หวังผลกำไร |
.biz | ย่อมาจาก business หมายถึง องค์กร บริษัท ห้างหุ้นส่วน คล้ายกับ .com |
.info | ย่อมาจาก information หมายถึง ข้อมูลสารสนเทศ |
.us | ย่อมาจาก united states หมายถึง ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะต้องมีภูมิลำเนาอยู่ที่ประเทศนี้ด้วย |
.co.th | ย่อมาจาก commercial in Thailand หมายถึง บริษัทหรือองค์กรที่ประกอบธุรกิจในประเทศไทย |
.ac.th | ย่อมาจาก academic in Thailand หมายถึง โรงเรียน มหาวิทยาลัยที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย |
.or.th | ย่อมาจาก organization in Thailand หมายถึง องค์กรไม่หวังผลกำไรที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย |
.in.th | ย่อมาจาก individual in Thailand หมายถึง บุคคลทั่วไปที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย |
.net.th | ย่อมาจาก network in Thailand หมายถึง หน่วยงาน/องค์กรทำธุรกิจด้านเครือข่ายที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย |
3. บอกความหมายของประเทศที่ตั้งขององค์กรที่ใช้ในการตั้งชื่อโดเมนเนม ได้แก่ 3.1 .th :: ประเทศไทย
3.2 .cn :: ประเทศจีน
3.3 .uk :: ประเทศอังกฤษ
3.4 .jp :: ประเทศญี่ปุ่น
3.5 .au :: ประเทศออสเตรเลีย
4. ยกตัวอย่างชื่อโดเมนเนม ประเภทต่างๆ อย่างน้อย 5 ชื่อ
5. ยกตัวอย่างเว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์ 1 เว็บไซต์ เพื่ออธิบายหลักการออกแบบหน้าเว็บไซต์นั้นๆ
5.1. ความเรียบง่าย :: มีรูปแบบที่เรียบง่าย ไม่ซับซ้อน และใช้งานได้สะดวก มีกราฟิกหรือตัวอักษรที่เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ชนิดและสีของตัวอักษรไม่มากจนเกินไป
5.2 ความสม่ำเสมอ :: ใช้รูปแบบเดียวกันตลอดทั้งเว็บไซต์ เลยไม่ทำให้สับสน
5.3 ความเป็นเอกลักษณ์ :: เว็บไซต์นี้ใช้รูปแบบที่ไม่เหมือนใคร โดยนำรูปของเล่นมาเป็น BG แล้วเขียนชื่อเว็บของตัวเองโดยมีลูกเล่นคือทำเป็นผูกชื่อเว็บไว้กับลูกโป่งเหมือนชื่อเว็บกำลังลอยอยู่
5.4 เนื้อหาที่มีประโยชน์ :: เว็บไซต์นี้มีเนื้อหารายละเอียดและราคาและรูปของสินค้าทุกตัว
5.5 ระบบเนวิเกชันที่ใช้งานง่าย :: เว็บไชต์นี้มีรูปแบบการวางรูปและสินค้าอย่างเป็นระเบียบคือแยกสินค้าตามขนาดและราคาทำให้ง่ายต่อการเข้าไปดู
5.6 ลักษณะที่น่าสนใจ :: เว็บไซต์นี้มีการใช้สี การใช้ตัวอักษรที่อ่านง่าย สบายตา การใช้โทนสีที่เข้ากัน และลักษณะหน้าตาที่น่าสนใจและเน้นความเป็นเด็กเพื่อดึงดูดลูกค้า
5.7 ระบบการใช้งานที่ถูกต้อง :: เว็บไซต์ที่ยกตัวอย่างมานี้ สามารถกรอกได้จริง ใช้งานได้จริง ลิงค์ต่างๆ จะต้องเชื่อมโยงไปหน้าที่มีอยู่จริงและถูกต้อง
5.8 คุณภาพในการออกแบบ :: เว็บไซต์นี้มีการออกแบบและเรียบเรียงเนื้อหาอย่างรอบคอบ สร้างความรู้สึกว่าเว็บไซต์มีความน่าเชื่อถือได้
5.9 การใช้งานอย่างไม่จำกัด :: เว็บไซต์นี้สามารถเลือกใช้บราวเซอร์ชนิดใดก็ได้ในการเข้าถึงเนื้อหา สามารถแสดงผลได้ทุกระบบปฏิบัติการและความละเอียดหน้าจอต่างๆ กันอย่างไม่มีปัญหา
5.2 ความสม่ำเสมอ :: ใช้รูปแบบเดียวกันตลอดทั้งเว็บไซต์ เลยไม่ทำให้สับสน
5.3 ความเป็นเอกลักษณ์ :: เว็บไซต์นี้ใช้รูปแบบที่ไม่เหมือนใคร โดยนำรูปของเล่นมาเป็น BG แล้วเขียนชื่อเว็บของตัวเองโดยมีลูกเล่นคือทำเป็นผูกชื่อเว็บไว้กับลูกโป่งเหมือนชื่อเว็บกำลังลอยอยู่
5.4 เนื้อหาที่มีประโยชน์ :: เว็บไซต์นี้มีเนื้อหารายละเอียดและราคาและรูปของสินค้าทุกตัว
5.5 ระบบเนวิเกชันที่ใช้งานง่าย :: เว็บไชต์นี้มีรูปแบบการวางรูปและสินค้าอย่างเป็นระเบียบคือแยกสินค้าตามขนาดและราคาทำให้ง่ายต่อการเข้าไปดู
5.6 ลักษณะที่น่าสนใจ :: เว็บไซต์นี้มีการใช้สี การใช้ตัวอักษรที่อ่านง่าย สบายตา การใช้โทนสีที่เข้ากัน และลักษณะหน้าตาที่น่าสนใจและเน้นความเป็นเด็กเพื่อดึงดูดลูกค้า
5.7 ระบบการใช้งานที่ถูกต้อง :: เว็บไซต์ที่ยกตัวอย่างมานี้ สามารถกรอกได้จริง ใช้งานได้จริง ลิงค์ต่างๆ จะต้องเชื่อมโยงไปหน้าที่มีอยู่จริงและถูกต้อง
5.8 คุณภาพในการออกแบบ :: เว็บไซต์นี้มีการออกแบบและเรียบเรียงเนื้อหาอย่างรอบคอบ สร้างความรู้สึกว่าเว็บไซต์มีความน่าเชื่อถือได้
5.9 การใช้งานอย่างไม่จำกัด :: เว็บไซต์นี้สามารถเลือกใช้บราวเซอร์ชนิดใดก็ได้ในการเข้าถึงเนื้อหา สามารถแสดงผลได้ทุกระบบปฏิบัติการและความละเอียดหน้าจอต่างๆ กันอย่างไม่มีปัญหา
E-commerce
1.ให้นักศึกษายกตัวอย่างเว็บไซต์ที่มีรูปแบบธุรกิจของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แบบ B2B, B2C, C2C, Brick and Motar, Chick and Chick มาอย่างน้อยรูปแบบละ 3 เว็บไซต์ พร้อมทั่งอธิบายว่าป็นเว็บไซต์ที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับอะไร
แบบ B2B :: www.microsoft.xom เป็นบริษัทซอฟแวร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ผลิตซอฟท์แวร์สำหรับบุคคล
ทั่วไปและบริษัทห้างร้าน
www.cisco.com ขายเกี่ยวกับอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตและอุปกรณ์ทางด้านเครือข่าย
www.dell.com เป็นบริษัทขายคอมพิวเตอร์
แบบ B2C :: www.amazon.com บริษัทผู้ขายของปลีกสินค้าผ่านเว็ปไซต์
www.etrade.com เป็นเว็ปไซต์ที่เกี่ยวกับซื้อขายหุ้น
www.agoda.co.th เป็นเว็ปไซต์สำหรับจองโรงแรมในประเทศ
แบบ C2C :: www.ebay.com เป็นเว็ปไซต์ประมูลสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก
www.pramool69.com เว็ปประมูลสินค้าออนไลน์
www.bidokay.com เว็ปประมูลสินค้า
แบบ Brick and Motar :: www.naiin.com ร้านขายหนังสือ
www.watsons.co.th ร้านขายผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม
www.boots.com ร้านขายเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม
แบบ Click and click :: www.usedcloh.com ร้านขายเสื้อผ้ามือสองจากญี่ปุ่น
www.thaimobilecenter.com ร้านขายมือถือ
www.bkkshopping.net ร้านขายกระเป๋าแฟชั่น
2.ให้นักศึกษาบอกประโยชน์ของการค้าแบบออนไลน์หรือ E- commerce มาอย่างน้อย 5 ข้อ
-ลดเวลาในการจัดซื้อ
-เพิ่มประสิทธิภาพในระบบภาพในสำนักงาน
-ลดภาระสินค้าคงครัง
-เพิ่มสินค้าและบริการใหม่
-เพิ่มความสัมพันธ์กับลูกค้าได้ทั่วถึง
3.ให้นักศึกษาหาข้อจำกัดของการค้าแบบออนไลน์หรือ E- commerce มาอย่างน้อย 5 ข้อ
1 E-Commerce ยังมีประเด็นเชิงนโยบายที่ทำให้รัฐบาลต้องเข้ามากำหนดมาตรการ เพื่อให้ความคุ้มครองกับผู้ซื้อและผู้ขาย ขณะเดียวกันมาตรการมนเรื่องระเบียบที่จะกำหนดขึ้นต้องไม่ขัดขวางการพัฒนาเทคโนโลยี
2 ผู้ขายไม่มั่นใจว่าลูกค้ามีตัวตนอยู่จริง จะเป็นบุคคลเดี่ยวกับที่แจ้งสั่งซื้อสินค้าหรือไม่ มีความสามารถในการที่จะจ่ายสินค้าและบริการหรือไม่ และไม่มั่นใจว่าการทำสัญญาซื้อขายผ่านระบบ Internet จะมีผลถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่
3 ข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์สามารถทำสำเนาหรือดัดแปลงหรือสร้างขึ้นใหม่ได้ง่ายกว่าเอกสารที่เป็นกระดาษ จึงต้องจัดการระบบการรักษาความปลอดภัยในการอ้างสิทธิให้ดีพอ
4 E-Commerce ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ขึ้นอยู่กับการจัดการทางธุรกิจที่ดีด้วย การนำระบบนี้มาใช้จึงไม่สมควรทำตามกระแสนิยม เพราะถ้าลงทุนไปแล้วไม่สามารถให้บริการที่ดีกับลูกค้าได้ ย่อมเกิดผลเสียต่อบริษัท
5 ข้อจำกัดทางโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Limitations) เป็นข้อจำกัดของโครงสร้างพื้นฐานของเมืองไทยเอง เช่น Dial Speed ที่จำกัดแค่ 56Kbps มอนิเตอร์ 14 หรือ 15 นิ้วซึ่งเริ่มไม่พอที่จะแสดงผลได้หมด การยัดเยียดลูกเล่นต่างๆ มากมายลงไปใน Web ทำให้การ Load Web ช้ามาก เป็นต้น
แบบ B2B :: www.microsoft.xom เป็นบริษัทซอฟแวร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ผลิตซอฟท์แวร์สำหรับบุคคล
ทั่วไปและบริษัทห้างร้าน
www.cisco.com ขายเกี่ยวกับอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตและอุปกรณ์ทางด้านเครือข่าย
www.dell.com เป็นบริษัทขายคอมพิวเตอร์
แบบ B2C :: www.amazon.com บริษัทผู้ขายของปลีกสินค้าผ่านเว็ปไซต์
www.etrade.com เป็นเว็ปไซต์ที่เกี่ยวกับซื้อขายหุ้น
www.agoda.co.th เป็นเว็ปไซต์สำหรับจองโรงแรมในประเทศ
แบบ C2C :: www.ebay.com เป็นเว็ปไซต์ประมูลสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก
www.pramool69.com เว็ปประมูลสินค้าออนไลน์
www.bidokay.com เว็ปประมูลสินค้า
แบบ Brick and Motar :: www.naiin.com ร้านขายหนังสือ
www.watsons.co.th ร้านขายผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม
www.boots.com ร้านขายเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม
แบบ Click and click :: www.usedcloh.com ร้านขายเสื้อผ้ามือสองจากญี่ปุ่น
www.thaimobilecenter.com ร้านขายมือถือ
www.bkkshopping.net ร้านขายกระเป๋าแฟชั่น
2.ให้นักศึกษาบอกประโยชน์ของการค้าแบบออนไลน์หรือ E- commerce มาอย่างน้อย 5 ข้อ
-ลดเวลาในการจัดซื้อ
-เพิ่มประสิทธิภาพในระบบภาพในสำนักงาน
-ลดภาระสินค้าคงครัง
-เพิ่มสินค้าและบริการใหม่
-เพิ่มความสัมพันธ์กับลูกค้าได้ทั่วถึง
3.ให้นักศึกษาหาข้อจำกัดของการค้าแบบออนไลน์หรือ E- commerce มาอย่างน้อย 5 ข้อ
1 E-Commerce ยังมีประเด็นเชิงนโยบายที่ทำให้รัฐบาลต้องเข้ามากำหนดมาตรการ เพื่อให้ความคุ้มครองกับผู้ซื้อและผู้ขาย ขณะเดียวกันมาตรการมนเรื่องระเบียบที่จะกำหนดขึ้นต้องไม่ขัดขวางการพัฒนาเทคโนโลยี
2 ผู้ขายไม่มั่นใจว่าลูกค้ามีตัวตนอยู่จริง จะเป็นบุคคลเดี่ยวกับที่แจ้งสั่งซื้อสินค้าหรือไม่ มีความสามารถในการที่จะจ่ายสินค้าและบริการหรือไม่ และไม่มั่นใจว่าการทำสัญญาซื้อขายผ่านระบบ Internet จะมีผลถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่
3 ข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์สามารถทำสำเนาหรือดัดแปลงหรือสร้างขึ้นใหม่ได้ง่ายกว่าเอกสารที่เป็นกระดาษ จึงต้องจัดการระบบการรักษาความปลอดภัยในการอ้างสิทธิให้ดีพอ
4 E-Commerce ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ขึ้นอยู่กับการจัดการทางธุรกิจที่ดีด้วย การนำระบบนี้มาใช้จึงไม่สมควรทำตามกระแสนิยม เพราะถ้าลงทุนไปแล้วไม่สามารถให้บริการที่ดีกับลูกค้าได้ ย่อมเกิดผลเสียต่อบริษัท
5 ข้อจำกัดทางโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Limitations) เป็นข้อจำกัดของโครงสร้างพื้นฐานของเมืองไทยเอง เช่น Dial Speed ที่จำกัดแค่ 56Kbps มอนิเตอร์ 14 หรือ 15 นิ้วซึ่งเริ่มไม่พอที่จะแสดงผลได้หมด การยัดเยียดลูกเล่นต่างๆ มากมายลงไปใน Web ทำให้การ Load Web ช้ามาก เป็นต้น
วันพุธที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2554
รวมงาน
1. คำถาม 5 ข้อ
http://jack-pongthong.blogspot.com/2011/08/blog-post_11.html
2.ปุ่ม 5 ปุ่มที่ให้ออกแบบ
3. นามบัตร
4. ปกนิตยสาร
5.Post card
http://jack-pongthong.blogspot.com/2011/08/blog-post_11.html
2.ปุ่ม 5 ปุ่มที่ให้ออกแบบ
3. นามบัตร
4. ปกนิตยสาร
5.Post card
วันอังคารที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2554
วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2554
การจัดเก็บแฟ้มภาพกราฟิก
ความละเอียดของภาพ
ความละเอียดของภาพหมายถึง จำนวนจุดที่ใช้ในการประกอบกันเป็นภาพ เช่น ความละเอียดของภาพขนาด 640 x 480 จุด
จำนวนสี
จำนวนสีหมายถึง จำนวนสีที่จุดภาพสามารถเก็บหรือแสดงได้ เช่น จุดภาพ 1 จุดที่ใช้เนื้อที่ 8 บิต จะมีจำนวนสีได้ 256 สี
รูปแบบของแฟ้มข้อมูลกราฟิก
รูปแบบของแฟ้มข้อมูลกราฟิก หมายถึง รูปแบบของข้อมูลที่ใช้ในการจัดเก็บภาพกราฟิกลงในแฟ้ม มีหลายรูปแบบให้เลือกใช้งาน ตัวอย่างเช่น
1) จิฟ (Graphics interchange Format : GIF) หรือที่มีส่วนขยายแฟ้มเป็น .GIF
จุดเด่น
จุดด้อย
GIF87 พัฒนาขึ้นในปี ค.ศ. 1987
เป็นไฟล์กราฟิกรุ่นแรกที่สนับสนุนการนำเสนอบนอินเทอร์เน็ต เป็นไฟล์ที่มีขนาดเล็กและแสดงผลสีได้เพียง 256 สี และกำหนดให้แสดงผลแบบโครงร่างได้ (Interlace)
GIF89A พัฒนาขึ้นในปี ค.ศ. 1989
2) เจเพ็ก (Joint Photographic Expert Group Graphics : JPEG) หรือที่มีส่วนขยายแฟ้มเป็น .JPEG เป็นรูปแบบของแฟ้มภาพกราฟิกแบบกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านภาพ ที่พัฒนาโดยกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์กราฟิกที่ได้รับการสนับสนุนโดยองค์การระหว่างประเทศ ว่าด้วยมาตรฐาน ( ISO) และคณะกรรมการที่ปรึกษาระหว่างประเทศเกี่ยวกับโทรเลขและโทรศัพท์(CCITT) รูปแบบนี้เหมาะสำหรับงานถ่ายภาพ ภาพศิลปะ และภาพวาดที่มีคุณภาพสีสันตามธรรมชาติ ความละเอียดคมชัดไม่เหมาะกับงานภาพลายเส้น ข้อความ หรืองานการ์ตูนง่าย ๆจุดเด่น
ทำให้พื้นของรูปโปร่งใสไม่ได้
3) บีเอ็มพี (bitmap) หรือที่มีส่วนขยายแฟ้มเป็น .bmp เป็นรูปแบบของแฟ้มภาพกราฟิกซึ่งออกแบบโดยบริษัทไมโครซอฟต์ เป็นรูปแบบพื้นฐานที่ใช้งานได้ดีกับโปรแกรมที่ทำงานภายใต้วินโดว์ และใช้งานมากบนระบบวินโดว์ จุดประสงค์ของรูปแบบ นี้เน้นให้แสดงผลได้รวดเร็วบนระบบวินโดว์
ข้อควรคำนึงในการจัดเก็บแฟ้มภาพกราฟิก
1) เลือกใช้จำนวนสีให้เหมาะสม การใช้จำนวนสีมากจะทำให้ได้ภาพที่มีคุณภาพสูง แต่จะสิ้นเปลืองเนื้อที่ในการเก็บข้อมูลมาก ดังนั้นการเลือกใช้จำนวนสีที่เหมาะสมกับภาพจะทำให้เปลืองเนื้อที่น้อยกว่าและส่งผลให้สามารถประมวลผลภาพได้เร็วขึ้น
2) เลือกรูปแบบแฟ้มข้อมูลกราฟิกที่ทำให้การจัดเก็บข้อมูลมีขนาดลดลง รูปแบบแฟ้มข้อมูลกราฟิกมีผลขนาดของแฟ้มข้อมูล เช่น รูปแบบแฟ้มข้อมูลกราฟิ แบบ bmp ถูกออกแบบมาเพื่อให้นำแสดงผลได้รวดเร็ว แฟ้มเหล่านี้จะกินเนื้อที่มาก รูปแบบแฟ้มข้อมูลกราฟิกแบบเจเพ็ก (.jpeg) มีผลให้คุณภาพของภาพด้อยลง แต่ลดขนาดแฟ้มภาพกราฟิกให้มีขนาดหนึ่งในสามของรูปแบบแฟ้มข้อมูลกราฟิกแบบจิฟ (.gif) ในขณะที่รูปแบบแฟ้มข้อมูลกราฟิกแบบจิฟ (.gif) เก็บจำนวนสี 256 สี ดังนั้นควรเลือกรูปแบบแฟ้มข้อมูลกราฟิกที่เหมาะสมกับการใช้งานเพื่อจะได้ไม่สิ้นเปลืองเนื้อที่ในการจัดเก็บภาพกราฟิก
3) เลือกใช้โปรแกรมบีบอัดข้อมูล ในกรณีที่ไม่สามารถเก็บภาพในรูปแบบแฟ้มที่ลดขนาดข้อมูล การเลือกใช้โปรแกรมบีบอัดข้อมูลบางตัว เช่น pkzip หรือ winzip จะช่วยลดขนาดข้อมูลในการจัดเก็บลงแฟ้มได้
ความละเอียดของภาพหมายถึง จำนวนจุดที่ใช้ในการประกอบกันเป็นภาพ เช่น ความละเอียดของภาพขนาด 640 x 480 จุด
จำนวนสี
จำนวนสีหมายถึง จำนวนสีที่จุดภาพสามารถเก็บหรือแสดงได้ เช่น จุดภาพ 1 จุดที่ใช้เนื้อที่ 8 บิต จะมีจำนวนสีได้ 256 สี
รูปแบบของแฟ้มข้อมูลกราฟิก
รูปแบบของแฟ้มข้อมูลกราฟิก หมายถึง รูปแบบของข้อมูลที่ใช้ในการจัดเก็บภาพกราฟิกลงในแฟ้ม มีหลายรูปแบบให้เลือกใช้งาน ตัวอย่างเช่น
1) จิฟ (Graphics interchange Format : GIF) หรือที่มีส่วนขยายแฟ้มเป็น .GIF
จุดเด่น
- มีขนาดไฟล์ต่ำ
- สามารถทำพื้นของภาพให้เป็นพื้นแบบโปร่งใสได้ ( Transparent)
- มีระบบแสดงผลแบบหยาบและค่อยๆ ขยายไปสู่ละเอียดในระบบ Interlace
- มีโปรแกรมสนับการสร้างจำนวนมาก
- เรียกดูได้กับ Graphics Browser ทุกตัว
- ความสามารถด้านการนำเสนอแบบภาพเคลื่อนไหว ( Gif Animation)
จุดด้อย
- แสดงสีได้เพียง 256 สี
GIF87 พัฒนาขึ้นในปี ค.ศ. 1987
เป็นไฟล์กราฟิกรุ่นแรกที่สนับสนุนการนำเสนอบนอินเทอร์เน็ต เป็นไฟล์ที่มีขนาดเล็กและแสดงผลสีได้เพียง 256 สี และกำหนดให้แสดงผลแบบโครงร่างได้ (Interlace)
GIF89A พัฒนาขึ้นในปี ค.ศ. 1989
2) เจเพ็ก (Joint Photographic Expert Group Graphics : JPEG) หรือที่มีส่วนขยายแฟ้มเป็น .JPEG เป็นรูปแบบของแฟ้มภาพกราฟิกแบบกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านภาพ ที่พัฒนาโดยกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์กราฟิกที่ได้รับการสนับสนุนโดยองค์การระหว่างประเทศ ว่าด้วยมาตรฐาน ( ISO) และคณะกรรมการที่ปรึกษาระหว่างประเทศเกี่ยวกับโทรเลขและโทรศัพท์(CCITT) รูปแบบนี้เหมาะสำหรับงานถ่ายภาพ ภาพศิลปะ และภาพวาดที่มีคุณภาพสีสันตามธรรมชาติ ความละเอียดคมชัดไม่เหมาะกับงานภาพลายเส้น ข้อความ หรืองานการ์ตูนง่าย ๆจุดเด่น
- สนับสนุนสีได้ถึง 24 bit
- สามารถกำหนดค่าการบีบไฟล์ได้ตามที่ต้องการ
- มีระบบแสดงผลแบบหยาบและค่อยๆ ขยายไปสู่ละเอียดในระบบ Progressive
- มีโปรแกรมสนับสนุนการสร้างจำนวนมาก
- เรียกดูได้กับ Graphics Browser ทุกตัว
- ตั้งค่าการบีบไฟล์ได้ ( compress files)
ทำให้พื้นของรูปโปร่งใสไม่ได้
3) บีเอ็มพี (bitmap) หรือที่มีส่วนขยายแฟ้มเป็น .bmp เป็นรูปแบบของแฟ้มภาพกราฟิกซึ่งออกแบบโดยบริษัทไมโครซอฟต์ เป็นรูปแบบพื้นฐานที่ใช้งานได้ดีกับโปรแกรมที่ทำงานภายใต้วินโดว์ และใช้งานมากบนระบบวินโดว์ จุดประสงค์ของรูปแบบ นี้เน้นให้แสดงผลได้รวดเร็วบนระบบวินโดว์
ข้อควรคำนึงในการจัดเก็บแฟ้มภาพกราฟิก
1) เลือกใช้จำนวนสีให้เหมาะสม การใช้จำนวนสีมากจะทำให้ได้ภาพที่มีคุณภาพสูง แต่จะสิ้นเปลืองเนื้อที่ในการเก็บข้อมูลมาก ดังนั้นการเลือกใช้จำนวนสีที่เหมาะสมกับภาพจะทำให้เปลืองเนื้อที่น้อยกว่าและส่งผลให้สามารถประมวลผลภาพได้เร็วขึ้น
2) เลือกรูปแบบแฟ้มข้อมูลกราฟิกที่ทำให้การจัดเก็บข้อมูลมีขนาดลดลง รูปแบบแฟ้มข้อมูลกราฟิกมีผลขนาดของแฟ้มข้อมูล เช่น รูปแบบแฟ้มข้อมูลกราฟิ แบบ bmp ถูกออกแบบมาเพื่อให้นำแสดงผลได้รวดเร็ว แฟ้มเหล่านี้จะกินเนื้อที่มาก รูปแบบแฟ้มข้อมูลกราฟิกแบบเจเพ็ก (.jpeg) มีผลให้คุณภาพของภาพด้อยลง แต่ลดขนาดแฟ้มภาพกราฟิกให้มีขนาดหนึ่งในสามของรูปแบบแฟ้มข้อมูลกราฟิกแบบจิฟ (.gif) ในขณะที่รูปแบบแฟ้มข้อมูลกราฟิกแบบจิฟ (.gif) เก็บจำนวนสี 256 สี ดังนั้นควรเลือกรูปแบบแฟ้มข้อมูลกราฟิกที่เหมาะสมกับการใช้งานเพื่อจะได้ไม่สิ้นเปลืองเนื้อที่ในการจัดเก็บภาพกราฟิก
3) เลือกใช้โปรแกรมบีบอัดข้อมูล ในกรณีที่ไม่สามารถเก็บภาพในรูปแบบแฟ้มที่ลดขนาดข้อมูล การเลือกใช้โปรแกรมบีบอัดข้อมูลบางตัว เช่น pkzip หรือ winzip จะช่วยลดขนาดข้อมูลในการจัดเก็บลงแฟ้มได้
เทคนิคการสร้างภาพกราฟิก
การสร้างภาพกราฟิกด้วยคอมพิวเตอร์มีเทคนิคอยู่สองวิธี คือ กราฟิกแผนที่บิต (bitmapped graphics) หรือกราฟิกแรสเตอร์ (raster graphics) หรือกราฟิกจุดภาพ (pixel graphics) และกราฟิกเส้นสมมติ (vector graphics) หรือกราฟิกเชิงวัตถุ (object – oriented graphics)
กราฟิกแผนที่บิตหรือภาพแบบบิตแมป (bitmapped graphics)
โปรแกรมสำหรับสร้างภาพโดยใช้เทคนิคกราฟิกแผนที่บิต ซึ่งทั่วไปเรียกว่า โปรแกรมระบายสี (paint program) จะสร้างและเก็บภาพกราฟิกไว้ในรูปแบบของจุดบนจอภาพ (screen pixels) ซึ่งเรียงต่อกัน โดยแต่ละจุดภาพ (pixels) จะแยกกันยู่ในตำแหน่งหน่วยความจำอย่างอิสระ มีลักษณะประจำของจุดแต่ละจุด เช่น สี ความเข้มแสง จึงทำให้สามารถปรับแต่งสีได้อย่างสวยงาม แต่เนื่องจากการเรียงต่อของจุดภาพอยู่ในลักษณะตาราง ภาพที่ได้จึงมีรอยหยักที่เกิดจากรูปสี่เหลี่ยมของจุดแต่ละจุด
• สามารถเก็บรายละเอียดของภาพให้มีสีสันต่าง ๆ ได้ดีกว่า เหมาะสำหรับภาพที่ต้องการระบายสี สร้างสี หรือกำหนดสีที่ต้องการความละเอียด สวยงามได้ง่าย
• สามารถตกแต่งภาพและเพิ่มรายละเอียดพิเศษที่น่าสนใจ เช่น ปรับความเข้มแสง ปรับแต่งสี แรเงา
ข้อเสียของกราฟิกแผนที่บิต
• สิ้นเปลืองเนื้อที่ในการจัดเก็บแฟ้มภาพ
• การประมวลผลภาพบางอย่างมีข้อจำกัด เช่น การหมุนภาพ การปรับขนาดหรือสัดส่วนภาพถ้านำภาพมาขยาย ความสวยงามจะลดลง แต่ถ้าเพิ่มความละเอียด จะทำให้ภาพมีขนาดใหญ่
กราฟิกเส้นสมมติหรือภาพแบบเวกเตอร ์(vector graphics)
โปรแกรมสำหรับสร้างภาพที่ใช้เทคนิคกราฟิกเส้นสมมติโดยทั่วไปเรียกว่า โปรแกรมวาดภาพ (draw program) จะสร้างและเก็บข้อมูลภาพกราฟิกไว้ในรูปแบบสูตรทางคณิตศาสตร์ที่บอกตำแหน่งของเส้นหรือจุดและความสัมพันธ์ว่า จุดใดหรือเส้นใดเชื่อมโยงกันบ้าง จึงสามารถปรับขนาดของภาพไดง่าย และไม่ทำให้เสียรูปทรง
• การจัดเก็บสิ้นเปลืองเนื้อที่น้อยกว่ากราฟิกแผนที่บิตมาก
• การประมวลผลบางอย่างเช่น การย่อขยายเปลี่ยนแปลงขนาดได้โดยความละเอียดไม่ลดลง การหมุนจะทำได้ดีกว่า
ข้อเสียของกราฟิกเส้นสมมติ
• ไม่สามารถเก็บรายละเอียดของสีสันต่าง ๆ ได้ดี เนื่องจากเก็บในรูปแบบสูตรของเส้น
กราฟิกแผนที่บิตหรือภาพแบบบิตแมป (bitmapped graphics)
โปรแกรมสำหรับสร้างภาพโดยใช้เทคนิคกราฟิกแผนที่บิต ซึ่งทั่วไปเรียกว่า โปรแกรมระบายสี (paint program) จะสร้างและเก็บภาพกราฟิกไว้ในรูปแบบของจุดบนจอภาพ (screen pixels) ซึ่งเรียงต่อกัน โดยแต่ละจุดภาพ (pixels) จะแยกกันยู่ในตำแหน่งหน่วยความจำอย่างอิสระ มีลักษณะประจำของจุดแต่ละจุด เช่น สี ความเข้มแสง จึงทำให้สามารถปรับแต่งสีได้อย่างสวยงาม แต่เนื่องจากการเรียงต่อของจุดภาพอยู่ในลักษณะตาราง ภาพที่ได้จึงมีรอยหยักที่เกิดจากรูปสี่เหลี่ยมของจุดแต่ละจุด
ตัวอย่างไฟล์ : .BMP, .PCS, .TIF, .GIF, .JPG, .PCD
ตัวอย่างโปรแกรมกราฟิกประเภทบิตแมป เช่น Adobe Photoshop , Fractal Design Painter , Paint Shop Pro , L-View เป็นต้น
ข้อดีของกราฟิกแผนที่บิต ตัวอย่างโปรแกรมกราฟิกประเภทบิตแมป เช่น Adobe Photoshop , Fractal Design Painter , Paint Shop Pro , L-View เป็นต้น
• สามารถเก็บรายละเอียดของภาพให้มีสีสันต่าง ๆ ได้ดีกว่า เหมาะสำหรับภาพที่ต้องการระบายสี สร้างสี หรือกำหนดสีที่ต้องการความละเอียด สวยงามได้ง่าย
• สามารถตกแต่งภาพและเพิ่มรายละเอียดพิเศษที่น่าสนใจ เช่น ปรับความเข้มแสง ปรับแต่งสี แรเงา
ข้อเสียของกราฟิกแผนที่บิต
• สิ้นเปลืองเนื้อที่ในการจัดเก็บแฟ้มภาพ
• การประมวลผลภาพบางอย่างมีข้อจำกัด เช่น การหมุนภาพ การปรับขนาดหรือสัดส่วนภาพถ้านำภาพมาขยาย ความสวยงามจะลดลง แต่ถ้าเพิ่มความละเอียด จะทำให้ภาพมีขนาดใหญ่
กราฟิกเส้นสมมติหรือภาพแบบเวกเตอร ์(vector graphics)
โปรแกรมสำหรับสร้างภาพที่ใช้เทคนิคกราฟิกเส้นสมมติโดยทั่วไปเรียกว่า โปรแกรมวาดภาพ (draw program) จะสร้างและเก็บข้อมูลภาพกราฟิกไว้ในรูปแบบสูตรทางคณิตศาสตร์ที่บอกตำแหน่งของเส้นหรือจุดและความสัมพันธ์ว่า จุดใดหรือเส้นใดเชื่อมโยงกันบ้าง จึงสามารถปรับขนาดของภาพไดง่าย และไม่ทำให้เสียรูปทรง
ตัวอย่างไฟล์ : .EPS, .WMF, .CDR, .AI, .CGM, .DRW, .PLT
ตัวอย่างโปรแกรมกราฟิกประเภทเวกเตอร์ เช่น Adobe Illustrator , Macromedia Freehand , Corel Draw เป็นต้น
ข้อดีของกาฟิกเส้นสมมติ ตัวอย่างโปรแกรมกราฟิกประเภทเวกเตอร์ เช่น Adobe Illustrator , Macromedia Freehand , Corel Draw เป็นต้น
• การจัดเก็บสิ้นเปลืองเนื้อที่น้อยกว่ากราฟิกแผนที่บิตมาก
• การประมวลผลบางอย่างเช่น การย่อขยายเปลี่ยนแปลงขนาดได้โดยความละเอียดไม่ลดลง การหมุนจะทำได้ดีกว่า
ข้อเสียของกราฟิกเส้นสมมติ
• ไม่สามารถเก็บรายละเอียดของสีสันต่าง ๆ ได้ดี เนื่องจากเก็บในรูปแบบสูตรของเส้น
โปรแกรมสำหรับงานกราฟิก
ทุกวันนี้ เราเป็นผู้บริโภคงานกราฟิก ซึ่งเป็นผลิตผลจากคอมพิวเตอร์อยู่ตลอดเวลา วีดิโอเกม ผลการแข่งขันกีฬาบนกระดานอิเล็กทรอนิกส์ การ์ตูนในโทรทัศน์ หรือภาพยนตร์
ประเภทของโปรแกรมสำหรับงานกราฟิก
ประเภทของโปรแกรมสำหรับงานกราฟิก
โปรแกรมสำหรับงานกราฟิกเป็นส่วนที่สำคัญยิ่งในการใช้ความสามารถของคอมพิวเตอร์ผลิตผลงานกราฟิก ในปัจจุบันมีโปรแกรมสำหรับใช้ทำงานกราฟิกเป็นจำนวนมาก สามารถจัดแบ่งโปรแกรมสำหรับงานกราฟิกออกเป็นสองประเภทใหญ่ ๆ ตามแผนภาพ ดังนี้
1) กราฟิกวาดภาพ (drawing graphics)
โปรแกรมประเภทนี้ใช้สร้างสรรค์งานศิลปะหรือผลิตผลงานคุณภาพสูง ภาพที่ซับซ้อนทางวิศวกรรม ทางสถาปัตยกรรม และภาพกราฟิกอื่น ๆ แต่ละโปรแกรมจะมีลักษณะใช้เฉพาะงาน ซึ่งแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ โปรแกรมสร้างและตกแต่งภาพ และโปรแกรมช่วยออกแบบ
โปรแกรมประเภทนี้ใช้สร้างสรรค์งานศิลปะหรือผลิตผลงานคุณภาพสูง ภาพที่ซับซ้อนทางวิศวกรรม ทางสถาปัตยกรรม และภาพกราฟิกอื่น ๆ แต่ละโปรแกรมจะมีลักษณะใช้เฉพาะงาน ซึ่งแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ โปรแกรมสร้างและตกแต่งภาพ และโปรแกรมช่วยออกแบบ
โปรแกรมสร้างและตกแต่งภาพ ส่วนใหญ่มีลักษณะการใช้งานที่มีเครื่องมือในการอำนวยความสะดวกในการสร้างหรือวาดภาพหรือตกแต่งภาพที่คล้ายกัน เช่น การแบ่งหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นส่วน ๆ สำหรับเป็นพื้นที่วาดภาพซึ่งสามารถเลื่อนดูภาพในส่วนที่ไม่ได้ปรากฏบนจอ รายการเลือก กล่องเครื่องมือที่ประกอบด้วยสัญรูปเครื่องมือสำหรับใช้วาดรูป
โปรแกรมช่วยออกแบบ จะใช้ในงานกราฟิกทางด้านวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม เช่น แบบแปลนตึก แบบอุปกรณ์ แบบรถยนต์ แบบเครื่องบิน สามารถใช้เขียนภาพ โดยมีมาตราส่วนจริงได้ โปรแกรมช่วยออกแบบทั่วไปยังแบ่งได้เป็นแบบ 2 มิติ ตัวอย่างเช่น ออโตแคด (Auto CAD) และ แบบ 3 มิติ เช่น 3DMAX ซึ่งมักจะใช้ในงานสถาปัตยกรรม หรืองานโฆษณา
2) กราฟิกการนำเสนอ (presentation graphics)
โปรแกรมประเภทนี้ใช้นำเสนอข้อมูลหรือผลงานในรูปกราฟิก ส่วนใหญ่โปรแกรมอนุญาตให้ใส่ ตัวอักษร ภาพ รูปกราฟต่าง ๆ และมีการเก็บข้อมูลเป็นหน้า ๆ เพื่อนำมาแสดงหรือนำเสนอได้ง่าย ตัวอย่างโปรแกรมประเภทนี้ได้แก่ โลตัส ฟรีเลนซ์ (lotus freelance) ไมโครซอฟต์เพาเวอร์พอยต์ (Microsoft PowerPoint)
โปรแกรมประเภทนี้ใช้นำเสนอข้อมูลหรือผลงานในรูปกราฟิก ส่วนใหญ่โปรแกรมอนุญาตให้ใส่ ตัวอักษร ภาพ รูปกราฟต่าง ๆ และมีการเก็บข้อมูลเป็นหน้า ๆ เพื่อนำมาแสดงหรือนำเสนอได้ง่าย ตัวอย่างโปรแกรมประเภทนี้ได้แก่ โลตัส ฟรีเลนซ์ (lotus freelance) ไมโครซอฟต์เพาเวอร์พอยต์ (Microsoft PowerPoint)
โปรแกรมแสดงข้อมูลทางกราฟิกสามารถจัดอยู่ในกลุ่มโปรแกรมประเภทนี้ได้ เนื่องจากใช้ข้อมูลจากการเก็บรวบรวม คำนวณ หรือทดลองมาแสดงผลเป็นรูปกราฟ 2 มิติ หรือ กราฟ 3 มิติ ทำให้เข้าใจความสัมพันธ์ของข้อมูลได้ดียิ่งขึ้น
นอกจากนั้นยังมีโปรแกรมที่แสดงข้อมูลจากการคำนวณจำนวนมาก เช่น การสร้างแผนที่อากาศ การทดสอบเครื่องบินในอุโมงค์ลม การสร้างภาพนามธรรม
นอกจากนั้นยังมีโปรแกรมที่แสดงข้อมูลจากการคำนวณจำนวนมาก เช่น การสร้างแผนที่อากาศ การทดสอบเครื่องบินในอุโมงค์ลม การสร้างภาพนามธรรม
ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์กราฟฟิก
ในอดีตคอมพิวเตอร์กราฟฟิก ( Computer Graphics ) สามารถถูกสร้างขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญทางระบบคอมพิวเตอร์เท่านั้น แต่ในปัจจุบันคอมพิวเตอร์ได้แพร่หลายมากขึ้นและผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์กราฟิกก็มีอยู่ทุกระดับ
แนวความคิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์กราฟิกจะว่าด้วยทุกๆ ส่วนที่ประกอบกันกลายเป็นภาพ ซึ่งเราจะต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับพื้นฐานของการสร้างภาพก่อน โดยเริ่มจากองค์ประกอบของภาพ รูปแบบของภาพในแต่ละแบบที่โปรแกรมคอมพิวเตอร์สามารถสร้างขึ้นมาได้ รูปแบบของไฟล์ที่นำมาใช้งานมีอะไรบ้าง และถ้าต้องการนำภาพนั้นมาใช้กับงานพิมพ์ควรทำอย่างไร ในปัจจุบันสื่อโทรทัศน์ นิตยสาร หนังสือพิมพ์ ป้ายโฆษณา ไปเป็นสื่อใหม่ในลักษณะงานด้านมัลติมีเดีย ซึ่งเราจำเป็นต้องใช้บุคลากรที่เรียกว่า “นักคอมพิวเตอร์กราฟิก” มาช่วยในการออกแบบงานต่างๆ หรือประยุกต์ใช้กับการทำงาน
ความรู้เรื่องความละเอียด
แนวความคิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์กราฟิกจะว่าด้วยทุกๆ ส่วนที่ประกอบกันกลายเป็นภาพ ซึ่งเราจะต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับพื้นฐานของการสร้างภาพก่อน โดยเริ่มจากองค์ประกอบของภาพ รูปแบบของภาพในแต่ละแบบที่โปรแกรมคอมพิวเตอร์สามารถสร้างขึ้นมาได้ รูปแบบของไฟล์ที่นำมาใช้งานมีอะไรบ้าง และถ้าต้องการนำภาพนั้นมาใช้กับงานพิมพ์ควรทำอย่างไร ในปัจจุบันสื่อโทรทัศน์ นิตยสาร หนังสือพิมพ์ ป้ายโฆษณา ไปเป็นสื่อใหม่ในลักษณะงานด้านมัลติมีเดีย ซึ่งเราจำเป็นต้องใช้บุคลากรที่เรียกว่า “นักคอมพิวเตอร์กราฟิก” มาช่วยในการออกแบบงานต่างๆ หรือประยุกต์ใช้กับการทำงาน
ความรู้เรื่องความละเอียด
พิกเซล ( Pixel)
พิกเซล (Pixel) เป็นคำผสมของคำว่า Picture กับคำว่า Element หรือหน่วยพื้นฐานของภาพ เทียบได้กับ "จุดภาพ" 1 จุด แต่ละพิกเซลเปรียบได้กับสี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่บรรจุค่าสี โดยถูกกำหนดตำแหน่งไว้บนเส้นกริดของแนวแกน x และแกน y หรือในตารางเมตริกซ์สี่เหลี่ยม ภาพบิตแมปจะประกอบด้วยพิกเซลหลายๆ พิกเซล
ความละเอียดในการแสดงผล ( Resolution ) คำนี้สามารถใช้ได้กับสถานการณ์ที่แตกต่างกัน เช่น ความละเอียดของการแสดงผลของเครื่องพิมพ์ หรือความละเอียดในการแสดงผลของจอภาพ ดังนั้นความละเอียดในการแสดงผลจึงหมายถึง จำนวนหน่วยต่อพื้นที่ ความละเอียดของรูปภาพ หมายถึง จำนวนพิกเซลต่อพื้นที่การแสดงผล มีหน่วยเป็นพิกเซลต่อนิ้ว ( pixels per inch - ppi ) โดยพิกเซลจะมีขนาดไม่แน่นอนขึ้นกับอุปกรณ์เอาต์พุต เช่น หน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือเครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์ ถ้ารูปภาพมีความละเอียด 300 dpi เครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์สามารถพิมพ์ได้ 300 dpi นั่นคือเครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์จะใช้ 1 จุดสำหรับแต่ละพิกเซลของภาพ ความละเอียดของจอภาพ หมายถึง หน่วยของจำนวนจุดที่มากที่สุดที่จอคอมพิวเตอร์สามารถผลิตได้ โดยความละเอียดในการแสดงผลของจอ จะขึ้นกับวีดีโอการ์ด ที่เรียกว่าการ์ดจอ ซึ่งจะมีความสามารถในการแสดงผลหลากหลาย เช่น แสดงผลที่ความละเอียด 800 x 600 พิกเซล หมายถึง จำนวนพิกเซลในแนวนอน เท่ากับ 800 และจำนวนพิกเซลในแนวตั้ง เท่ากับ 600 ความละเอียดของเครื่องพิมพ์ คือ จำนวนจุดเลเซอร์ที่เครื่องพิมพ์สามารถผลิตได้ต่อนิ้ว เช่น ถ้าเครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์มีความละเอียด 300 จุดต่อนิ้ว ( dots per inch – dpi ) นั่นคือ เครื่องพิมพ์สามารถพิมพ์ได้ 300 จุดทุกๆ 1 นิ้ว ระบบสีของคอมพิวเตอร์ ระบบสี Additive
|
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)